Yardi Kube: A single connected platform for flexible workspace management
Yardi Kube

By Genevieve DeGuzman - วันจันทร์, 05 พฤศจิกายน 2555

นักเขียนรับเชิญโดย เจเนวีฟ ดีกัซแมน ผู้เขียนร่วมในหนังสือ ‘Working in the UnOffice'.

Forrester Research ได้ทำการสำรวจพบว่า ปัจจุบันมีผู้ทำงานอิสระมากกว่า 375 ล้านคนทั่วโลก จึแล้วเกิดคำถามว่าคนพวกนี้ทำงานที่ไหนกันล่ะ?  ผู้เริ่มธุรกิจหรือกลุ่ม start-up และคนทำงานอิสระมักเริ่มทำงานจากบ้าน หรือโรงรถ แต่ในขณะเดียวกันที่ปรึกษาหรือผู้ที่ทำงานโดยใช้การสื่อสารโทรคมนาคม (เทเลคอมมิวเตอร์) เลือกนั่งทำงานในห้องสมุดประชาชน ร้านกาแฟ และที่สาธารณะอื่น ๆ ที่สามารถใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คได้และมีอินเตอร์เน็ตเชื่อมต่อ หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ไม่มีออฟฟิศเป็นหลักแหล่งเช่นนี้ คุณก็คงต้องคอยหาสถานที่ที่คุณนั่งทำงานได้ ย้ายหาร้านกาแฟหรือห้องสมุดไปเรื่อย ๆ คอยมองหาร้านที่มีโต๊ะและสัญลักษณ์ WiFi ให้บริการ ต้องเสียเงินค่าเครื่องดื่มและเบเกอรี่เพื่อให้นั่งทำงานได้แบบไม่น่าเกลียด หรือไม่ก็นั่งทำงานแบบเซ็ง ๆ คนเดียวที่บ้านไปเลย

คุณอาจมีความคิดที่จะลองทำงานที่ Coworking Space ดู แต่ว่าการทำงานแบบนี้จะเหมาะกับคุณหรือเปล่า? แซม โรเซ็น ผู้ก่อตั้ง  COOP อธิบายว่าบางครั้งอาจเกิดอาการลังเล ไม่แน่ใจเมื่อต้องเลือกทำงานที่ Coworking Space แทนตัวเลือกอื่น ๆ ที่มี “การดึงคนให้มาทำงานที่ Coworking Space คุณต้องแข่งกับความสะดวกสบายของการทำงานที่บ้าน และร้านกาแฟที่ไม่ต้องเดินทางไกล มีที่ให้เลือกตั้งมากมาย คุณต้องมีข้อเสนออะไรที่จะดึงให้เขามาทำงานที่พื้นที่ของคุณ”

เราจึงลองหาข้อมูลเพื่อทำความรู้จัก Coworking ให้มากขึ้น ซึ่งก็เหมือนธุรกิจขนาดเล็กทั่วไป โดยตั้งคำถามว่ามันดีกว่าการทำงานสบาย ๆ ที่บ้านหรือที่ร้านกาแฟละแวกบ้านตรงไหน หนังสือแนะนำเกี่ยวกับ Coworking Space เทรนด์การทำงานสไตล์ใหม่ในยุคนี้ ชื่อ Working in the UnOffice สังเกตทดลองเพื่อเปรียบเทียบดูว่าดีกว่าหรือแย่กว่าอย่างไร

ทางเลือกที่ 1: การทำงานที่บ้าน

ข้อดี:

ความยืดหยุ่นสูง สำหรับคนที่ชอบทำงานดึก ๆ หรือตื่นเช้ามาก ๆ คุณสามารถตั้งตารางเวลาทำงานในช่วงที่คุณมีประสิทธิภาพดีที่สุดได้ เพราะข้อดีที่สุดของการทำงานอิสระก็คือการสามารถตั้งตารางเวลา เลือกสถานที่ทำงานและวิธีการทำงานของคุณเองได้

การเดินทางที่น้อยลง เมื่อคุณไม่ต้องเดินทางไปทำงานไกล ๆ คุณก็จะมีแรงและเวลามากขึ้น ค่าน้ำมันก็ลดลงอีกต่างหาก แถมช่วยลดก๊าซเรือนกระจกและรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกด้วยอีกทาง

ลดค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ อะไรที่สามารถประหยัดหรือลดได้ก็ควรทำ การทำงานที่บ้านมีข้อดีคือประหยัดค่าใช้จ่ายการเช่าออฟฟิศได้มาก

ลดค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด นอกจากจะประหยัดค่าเดินทางแล้ว การนั่งทำงานที่บ้านยังช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเงินไปกับการกินข้าวนอกบ้าน เสื้อผ้า ค่าจอดรถหรือค่าใช้จ่ายเที่ยวสังสรรค์หลังเลิกงาน มากเท่าการไปทำงานที่ออฟฟิศ

ข้อเสีย:

ทำให้เกิดอาการขี้เกียจ การนั่งทำงานคนเดียวทำให้เกิดอาการขี้เกียจขึ้นมาได้ง่าย ๆ ผู้ที่ทำงานที่บ้านส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นทำธุรกิจของตัวเองหรือเทเลคอมมิวเตอร์พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องมีวินัยสูงและมีความสามารถในการควบคุมตัวเองหากต้องการทำงานที่บ้าน เพราะมีสิ่งที่รบกวนสมาธิมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่ต้องซักหรือโซฟาที่น่าเอนนอน

ทำงานมากเกินไป ในทางตรงกันข้าม การทำงานที่บ้านอาจทำให้คุณทำงานนานกว่าที่ควรและพักน้อยลง เพราะการทำงานที่บ้านจะไม่มีการเดินไปกดน้ำ คุยกับเพื่อน หรือเก็บของกลับบ้านเหมือนทำงานในออฟฟิศ ซึ่งอาจทำให้คุณแบ่งแยกความเป็นบ้าน และ ที่ทำงานไม่ออก เจสัน บีตตี้ สมาชิกคนหนึ่งที่ NextSpace เล่าให้เราฟังว่าทำไมเขาถึงเลือกทำงานที่ Coworking Spaceมากกว่าการทำงานที่บ้าน “ผมดูแล 9BitLabs ของตัวเองที่บ้าน ทำงาน 6 วันต่ออาทิตย์และมักทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมงยาว ไม่ได้หยุดเลย ผมเลยไม่ชอบทำงานที่บ้านเท่าไหร่เพราะมันกระทบการแบ่งเวลาให้ครอบครัว เนื่องมาจากเลิกงานไม่เป็นเวลา”

ทำงานอย่างโดดเดี่ยว บางครั้งคุณอาจรู้สึกเหงาหรือเบื่อมาก ๆ เวลาทำงานที่บ้าน สถานที่ทำงานนอกออฟฟิศแบบนี้มีข้อเสียคือ ทำให้ผู้ทำงานรู้สึกแปลกแยกทำให้รู้สึกความรู้สึกโดดเดี่ยวและห่างเหินบ่อยครั้ง

ไม่มีบริเวณต้อนรับลูกค้าที่ดูเป็นมืออาชีพ เพราะหากคุณต้องพบหรือประชุมกับลูกค้าในห้องรับแขกจะทำให้ธุรกิจและตัวคุณเองมีภาพลักษณ์ที่ไม่น่าเชื่อถือในสายตาลูกค้า

ทางเลือกที่ 2: นั่งทำงานที่ร้านกาแฟ

ข้อดี:

ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เจมิสัน ซู ซีอีโอและเจ้าของเครือข่ายแฟลชเกม Mochi Media เลือกทำงานที่ร้านกาแฟ Ritual Coffee Roaster บอกว่าสิ่งที่ได้มากกว่าคาเฟอีนที่ทำให้ตาสว่างทั้งวันจากกาแฟที่สั่ง แต่เพราะความจอแจพลุกพล่านในร้านปลุกเขาให้มีไฟในการทำงานมากขึ้น มัลคอม แกลดเวล นักเขียน ก็เล่าว่ารู้สึกว่าสมองถูกกระตุ้นเมื่อได้ยินคนคุยกันหรือได้สนทนากับคนอื่น

เหตุการณ์ที่เกิดรอบ ๆ ตัวทำให้มีสมาธิเพิ่มขึ้น การนั่งทำงานในร้านกาแฟที่บรรยากาศจอแจ เต็มไปด้วยเสียงจ้อกแจ้กจากโต๊ะข้าง ๆ เสียงเครื่องอุ่นนม เครื่องบดกาแฟ ในทางกลับกัน ทำให้คุณจดจ่อกับสิ่งตรงหน้ามากขึ้นกว่าเดิม เพื่อหันเหความสนใจจากความจอแจเหล่านั้น

ข้อเสีย:

สัญญาณอินเตอร์เนตที่ไม่แน่นอน  สัญญาณ WiFi สาธารณะ โดยเฉพาะบริการ WiFi ฟรีนั้น มักมีความเร็วไม่แน่นอน ติดบ้าง หลุดบ้าง และการจ่ายค่าบริการ ก็ไม่ได้การันตีความแน่นอน สัญญาณมักช้าหรือติด ๆ ขัด ๆ บ้าง เนื่องจากมีคนใช้พร้อม ๆ กันจำนวนมาก

ความปลอดภัย  การนั่งทำงานในที่สาธารณะที่มีคนพลุกพล่านตลอดเวลานั้น เสี่ยงต่อการถูกขโมยทรัพย์สินมาก ขโมยสามารถฉกโทรศัพท์ของคุณหายไปเลย หากเผลอเพียงไม่กี่วินาที นอกจากนี้การใช้สัญญาณ WiFi ร่วมกับคนอื่น ยังต้องระวังการถูกจารกรรมข้อมูลทางดิจิตอลอีกด้วย

ปัญหาการเคลื่อนย้ายข้าวของ เมื่อต้องนั่งทำงานที่ร้านกาแฟ ปัญหาที่คุณต้องเจอแน่ๆคือ ลุ้นว่าจะหาโต๊ะใกล้ปลั๊กไฟได้หรือไม่ ต้องเก็บข้าวของทุกครั้งเมื่อต้องลุกไปห้องน้ำหรือคุยโทรศัพท์ ค่าใช้จ่าย ค่ากาแฟและขนมเพื่อไม่ให้น่าเกลียดเวลานั่งนาน ๆ และเจ้าของร้านบางร้านก็ไม่ยินดีให้นั่งทำงานนาน ๆ เช่น เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมาร้านกาแฟดังอย่าง Starbucks เริ่มจัดการกับลูกค้าที่ใช้แล็ปท็อปในร้านเป็นเวลานาน ๆ บางร้านถึงกับปิดปลั๊กหรือเอาเต้าเสียบออกเพื่อป้องกันลูกค้าที่ชอบนั่งอ้อยอิ่งใช้แล็ปท็อปในร้าน แต่สั่งกาแฟแค่แก้วเดียว

ความคึกคักของการทำงานในร้านกาแฟนั้นก็สลายหายไปได้เหมือนฤทธิ์กาเฟอีน แกรนต์ คัพส์ ผู้ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์อิสระที่มาใช้บริการที่ Coop ในชิคาโก ก็เคยชอบนั่งทำงานในร้านกาแฟมาก่อน เผยว่าเขาชอบที่ได้พบปะกับผู้คนมากมาย แต่พอนาน ๆ ไปก็เริ่มรู้สึกว่าสถานที่ค่อนข้างจำกัดและทำงานไม่สะดวกนัก “คุณจะได้เข้าสังคม รู้จักกับผู้คนใหม่ ๆ เวลานั่งทำงานที่ร้านกาแฟ ซึ่งผมก็ชอบเวลาได้เจอผู้คนที่นั่น แต่บางครั้งผมก็ไม่ได้อยากดื่มกาแฟ แล้วก็ไม่อยากทิ้งของไว้ที่ร้านด้วย ผมต้องเก็บข้าวของทุกครั้งก่อนไปกินอาหารกลางวัน”

การเข้าสังคมนั้นขัดจังหวะการทำงาน การอยู่ในที่ที่มีผู้คนมากมาย อาจทำให้คุณหลงพูดคุยทักทายกับคนเหล่านั้นจนเพลินแทนที่จะสนใจงานตรงหน้า เช่นคุยกับเจ้าของธุรกิจคนอื่น ๆ จนลืมงาน หรือบางครั้งกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอาจนั่งยึดทั้งร้าน ทำให้คุณทำงานได้ไม่เต็มที่

การพบปะพูดคุยที่ไม่ค่อยได้ประโยชน์ การนั่งทำงานที่ร้านกาแฟ อาจทำให้คุณได้พบเจอผู้คนมากกว่านั่งทำงานคนเดียวที่บ้าน แต่การพูดคุยเหล่านั้นก็ไม่ได้สาระใดใดซักเท่าไหร่ เป็นไปได้ยากที่จะมีใครซักคนให้ความคิดเห็นอย่างจริงจังเกี่ยวกับโปรเจกต์หรือให้แรงบันดาลใจในเรื่องที่คุณยังคิดไม่ตก


ทางเลือกที่ 3: ทำงานที่Coworking Space

การทำงานที่ Coworking Space เป็นการรวมเอาข้อดีของการทำงานในที่ต่าง ๆ ที่ผู้ทำงานอิสระทั้งหลายสามารถทำงานได้จริง ที่ยังมีความยืดหยุ่นแบบการทำงานที่บ้านและบรรยากาศคึกคักแบบร้านกาแฟ โดยเพิ่มแนวคิดการทำงานร่วมกันและโอกาสการทำความรู้จักพบปะกับคนอื่น ๆ ด้วย

ข้อดี:

มีแรงจูงใจในการทำงานเพิ่มขึ้น การทำงานร่วมกับผู้เริ่มกิจการส่วนตัวคนอื่น ๆ ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้ใช้บริการ Coworking Space มักเลือกทำงานแบบนี้เพราะตอบสนองความต้องการของพวกเขาที่จะทำงานร่วมกับคนที่มีความสนใจไปในทิศทางเดียวกันได้

สำหรับอีกหลาย ๆ คนการทำงานร่วมกับผู้อื่นนั้นเป็นการเพิ่มความกระตือรือร้นในการทำงานให้ตัวเอง อลัน พินสไตน์ เจ้าของบริการซอฟท์แวร์เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ชื่อ Neybor ทำงานที่  Ignition Alley บอกเราว่า “เราได้พบปะคนมากหน้าหลายตาและสามารถเรียนรู้จากกันและกันได้ ซึ่งดีมากสำหรับใครที่เคยทำงานที่บ้านมาก่อน การเจอคนเยอะ ๆ ทำให้คึกคักและมีแรงทำงาน” อลันยังเปรียบเทียบความมีชีวิตชีวาของการอยู่เมืองใหญ่ที่เขาเคยเจอให้ฟังต่อว่า “ผมเคยอยู่ที่นิวยอร์กมาก่อนและการทำงานแบบ Coworking ทำให้คุณได้พลังความคึกคักจากเมืองนิวยอร์กมาอยู่ในบรรยากาศการทำงานแบบออฟฟิศ สำหรับผม ผมรู้สึกถึงความกระตือรือร้นของทุกคน เวลามาที่นี่”

ประสบการณ์การทำงานของกราฟฟิก ดีไซเนอร์ จูดี้ โอยาม่าที่ NextSpace ทำให้เราเข้าใจอีกหนึ่งแรงดึงดูดสำคัญของ Coworkingสำหรับธุรกิจเล็ก ๆ นั่นก็คือ ช่วยอุดรอยโหว่ในด้านทักษะและความจำเป็นต่าง ๆ และช่วยให้คุณทำงานจนสำเร็จลุล่วง หากคุณไม่ปิดกั้นตัวเองจากอุปสรรคปัญหาทั้งหลาย คุณจะมีแรงบันดาลใจในการเริ่มโปรเจ็กต์หรือลงทุนทำธุรกิจใหม่ ๆ อีกมากมาย

การพบปะผู้คนที่มีคุณภาพ การทำงานร่วมกันที่ Coworking Space ทำให้คุณมีโอกาสเข้าสังคมและเจอคนใหม่ ๆ มากขึ้น เลิกนั่งทำงานในชุดนอนที่บ้านเหงา ๆ แล้วลองทำงานที่ Coworking Space กันดีกว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบอุตสาหกรรมและกราฟฟิก แอนโธนี่ กรีเดอร์เจ้าของ Alloy Design, Inc. หลัง เปลี่ยนจากการทำงานที่บ้านมาเป็นสิบปี มาทำงานที่ Coworking Space ที่  Boulder Digital Arts หลังตัดสินใจว่าควรได้เจอผู้คนมากกว่านี้ “ผมทำงานที่บ้านมาตลอด 12 ปีที่ผ่านมาและคิดว่าถึงเวลาเข้าสังคมเจอผู้คนใหม่ ๆ บ้างได้แล้ว”

สำหรับอีกหลาย ๆ คน การทำงานท่ามกลางคนหมู่มากเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานวงการครีเอทีฟ จอห์นนี่ ไบลอตต้า เล่าว่าเขาเริ่มมาทำงานที่ Indy Hall เพื่อทดสอบไอเดียที่เขาคิดและเปิดหูฟังความคิดเห็นจากผู้อื่น “สิ่งหนึ่งที่หายไปตอนทำงานที่บ้านคือสังคมเพื่อน ๆ สมัยทำงานที่ออฟฟิศ ผมไม่รู้จะหาแรงบันดาลใจจากที่ไหนเวลาทำงานที่บ้าน ยิ่งทำงานออกแบบด้วยแล้ว ผมยิ่งต้องการฟังความคิดเห็นจากคนอื่น ๆ ด้วย อย่างเช่น ความคิดเห็นเกี่ยวกับเฉดสีต่าง ๆ ถึงแม้จะเป็นการคุยเรื่องมุมมองปรัชญาการออกแบบระหว่างดื่มกาแฟก็ตาม ซึ่งผมทำอะไรอย่างนั้นไม่ได้เวลาทำงานที่บ้าน”

สถานที่ทำงานที่เป็น (และดูเป็น) มืออาชีพ Coworking ทำให้การทำงานอิสระหรือธุรกิจของคุณมีวินัยมากขึ้น ที่ปรึกษาธุรกิจแบบแฟรนไชส์  ไคล์ เดอ ฮาส เป็นหนึ่งในสมาชิก Cospace และชอบการทำงานใน Coworking Space เพราะมันทำให้มีความรู้สึกพร้อมทำงานจริงจังและเป็นมืออาชีพ เขาเล่าว่า “มีหลายอย่างที่รบกวนสมาธิเวลาทำงานที่บ้าน ทำให้ทำงานไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ผมรู้สึกดีกว่าเวลาต้องแต่งตัวและเดินทางไปทำงาน มันทำให้แบ่งเวลาส่วนตัวกับเวลางานได้ชัดเจน”

นักออกแบบการสอน ลิซ่า แวน ดาม ประหลาดใจกับการทำงานที่ Coworking Spaceที่ Boulder Digital Arts ที่ทำให้เธอมีแรงจูงใจทำงานได้อย่างเป็นมืออาชีพและแบ่งเวลาได้ลงตัวมากขึ้น “การตื่นมาแต่งตัวไปทำงานกับการใส่ชุดนอนแล้วเดินจากเตียงสิบก้าวไปนั่งทำงานหน้าคอมที่บ้านนี่มันต่างกันมากนะคะ”

เพิ่มโอกาสพบเจอคนที่ส่งผลดีธุรกิจคุณมากขึ้น คอมมิวนิตี้ใน Coworking Space มีความหลากหลายค่อนข้างมาก และคุณไม่มีทางรู้เลยว่าคนที่คุณเจออาจเป็นคนสำคัญที่เปลี่ยนแปลงธุรกิจคุณอย่างสิ้นเชิง เควิน เพอร์ดี้ นักเขียนอิสระเล่าว่า “ผมได้หัวข้อใหม่ ๆ สำหรับเขียนบทความลง Lifehacker ราว ๆ สิบเรื่องได้ จากการนั่งทำงานที่ Coworking Rochester เผลอ ๆ มากกว่านั้นด้วยซ้ำ ส่วนตัวแล้วผมมักได้ไอเดียสำหรับโปรเจกต์งานเขียนจากการนั่งทำงานที่นี่บ่อย ๆ ” และเขาเพิ่มเติมอีกว่า “เวลาผมมีปัญหาเรื่องเว็บไซต์หรือต้องการคำแนะนำบางเรื่อง จะมีคนยื่นมือมาช่วยเหลือด้วยความกระตือรือร้นทุกครั้งที่มาทำงานที่ Coworking Space” 

ลิซ่า ชูลแมน จาก Action Alliance for Children ซึ่งเป็นสมาชิกที่  The Hub Bay Area อธิบายให้ฟังว่าการแลกเปลี่ยนทางความคิดนั้นทำให้องค์กรของเธอทันสมัยอยู่ตลอดเวลา มีแนวคิดสดใหม่และมีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ “ฉันคิดว่าไม่ว่าในวงการใดก็ตามคุณจะเริ่มคุ้นชินกับการพูดคุยเรื่องเดิม ๆ หัวข้อเดิม ๆ ด้วยมุมมองแคบ ๆ การปฏิสัมพันธ์กับคนใหม่ ๆ อยู่เสมอนั้นทำให้เรามีโอกาสฟังความคิดเห็นจากคนนอกจริง ๆ ว่าเขาเข้าใจงานของเราว่าเป็นอย่างไร”

แบ่งปันทรัพยากรร่วมกันตั้งแต่เครื่องมือจนไปถึงความชำนาญ หากคุณต้องการทำงานให้ลุล่วงโดยไม่ต้องใช่จ่ายเงินมากเกิน ให้ลองมาทำงานใน Coworking Space เพราะแทนที่คุณต้องแบกรับภาระค่าเช่าออฟฟิศ ค่าสัญญาณ Wifi ค่าเครื่องทำกาแฟ เครื่องสแกนและเครื่องถ่ายเอกสาร คุณสามารถหารค่าใช้จ่ายเหล่านี้กับสมาชิกคนอื่น ๆ ภายใน Coworking Space เดียวกัน และยังสามารถต่อรองราคาค่าอุปกรณ์หรือค่าสมัครสมาชิกเมื่อสมัครทีละหลาย ๆ คนได้ด้วย

ทรัพยากรมนุษย์  ก็คือคนที่มาจากการทำโปรเจกต์และประชุมของแต่ละทีม สำหรับ Coworking Space บางที่สมาชิกยังได้ประโยชน์จากคอร์สและการบรรยายจากสมาชิกด้วยกันที่ทาง Space จัดขึ้น คุณสามารถเดินไปคุยกับเพื่อนโต๊ะข้างๆเพื่อขอคำแนะนำ หรือไปร่วมงานบรรยายที่สมาชิกจัดขึ้นและสลับกับขึ้นบรรยาย เพื่อแลกเปลี่ยนทักษะแบบเป็นเรื่องเป็นราว

บางบริษัทก็มองหาคนทำงานอิสระใน Coworking Space อย่างเช่นที่ Gangplank ก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง “ที่ Silicon Valleyเรามีมุขเล่นกันขำ ๆ ว่า คุณเปลี่ยนงานได้โดยไม่ต้องย้ายที่จอดรถ แต่ที่ Gangplank เราเปลี่ยนเป็น คุณสามารถเปลี่ยนงานได้โดยไม่ต้องย้ายโต๊ะ” เจด เมสกิล ผู้ร่วมก่อตั้งกล่าว “มีหลายคนที่ทำงานที่นี่ที่ต้องการออกจากวงการที่ปรึกษาธุรกิจและต้องการทำงานให้บริษัทผลิตสินค้า แล้วก็มีบริษัทที่ทำอยู่ใน Gangplank นี่แหละจ้างเขา”

ราคาที่เป็นมิตร เจสัน ริเชลสัน อดีตสมาชิกที่ Hive at 55 เผยว่า การทำงานที่ Coworking Space ทำให้เก็บเงินง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของกิจการที่เพิ่งเริ่มและพยายามตั้งบริษัทให้อยู่ตัว “คุณไม่อยากทำสัญญาเช่าตอนที่เพิ่งเริ่มธุรกิจแรก ๆ หรอก เพราะฉะนั้นควรทำแบบเดือนต่อเดือนไปก่อนและ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเฟอร์นิเจอร์ อินเตอร์เน็ต เครื่องพิมพ์ หรืออะไรก็ตาม เพราะเมื่อทำงานที่ Coworking Space มีทุกอย่างไว้พร้อมใช้แล้ว”

โอกาสในการเติบโตและผลการตอบแทนการลงทุนที่น่าพอใจ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น (ค่าใช้จ่ายรายเดือนและค่าเดินทาง) เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่คุณจะได้รับ ผลการสำรวจจากทั่วโลกครั้งแรกโดย Deskmag พบว่า 42% ของผู้ใช้บริการ Coworking Space เผยว่ามีรายได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ทำงานที่ Coworking Space นี่อาจเป็นเพราะการได้เข้ามาอยู่ในวงสังคมและอาชีพที่กว้างและหลากหลายกว่าเดิม รวมถึงมีโอกาสได้งานที่ดีขึ้น

เกรก ทินเดลเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นอีกคนที่ได้ผลตอบรับที่ดีจากการทำงานใน Coworking Space เกรกเล่าว่า ”ตั้งแต่เริ่มทำงานที่ Affinity Lab เมื่อเดือนธันวาคม 2008 33% ของการปิดการขายที่ดินมาจากสมาชิกที่ Affinity Lab หรือจากคำแนะนำของสมาชิกที่นี่ ซึ่งค่านายหน้ามีมูลค่ารวมทั้งหมดสูงถึง 115,780 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3,541,620 บาท”

พีเจ คริสตี้ เจ้าของธุรกิจการตลาดบนอินเตอร์เนตชื่อ Grow Your Base เล่าให้ฟังว่าการทำงานที่ Coworking Space ที่ Cospace ช่วยให้เขาขยายฐานลูกค้าได้ “ลูกค้าหนึ่งในสามของผม ทั้งโดยตรงและทางอ้อม มาจากคนที่มาทำงานที่นี่ทุกวี่วัน และที่นี่ยังมีห้องประชุมที่ผมสามารถใช้เป็นที่พบปะเจ้าของกิจการคนอื่นๆเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้ด้วย ”

การขยายตัวอย่างรวดเร็วของ Orpheus Media Research ศูนย์รวมการค้นหาเพลงของ เกร็ก ไวลเดอร์นั้น ส่วนหนึ่งมาจากสังคมในCoworking Space นั่นเอง โปรเจกต์เริ่มเป็นรูปเป็นร่างตั้งแต่สมัยเขายังทำงานในอพาร์ตเม้นต์ จนย้ายมาทำที่ Indy Hall ในช่วงกำลังพัฒนา กระทั่งปัจจุบันนี้ มีสตูดิโอเป็นของตัวเองแล้วที่นิวยอร์กOrpheusเป็นเหมือนฝันที่เป็นจริงของผู้ริเริ่มธุรกิจหลาย ๆ คน เกรกเล่าว่า ”ตอนนี้เราพร้อมสุด ๆ เราปิดรอบลงทุนซีรีส์ เอไปได้แล้วและตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ของเราทั้งหมด 15 คน” เกรกเล่าว่า ส่วนหนึ่งในความสำเร็จของเขามาจากการทำงานใน CoworkingSpace “ประสบการณ์ที่ Indy Hall ช่วยทำให้ผมได้พัฒนาความเชี่ยวชาญที่มีได้มาก และยังให้ความช่วยเหลือในทางเทคนิค ทำให้ความคิดผมกลายเป็นธุรกิจจริง ๆ ขึ้นมา เปลี่ยนจากเครื่องมือยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่งให้กลายเป็นบริษัทจริง ๆ ”

ข้อเสีย:

มีความเป็นส่วนตัวน้อยและมีสิ่งล่อใจมากมาย บางครั้งลักษณะงานของคุณอาจไม่เหมาะกับการทำงานใน Coworking Spaceซึ่งค่อนเปิดกว้าง เช่น ทนายหรือนักบัญชีที่มีลูกค้าที่ต้องปิดเป็นความลับ อาจต้องการสถานที่ทำงานที่เป็นส่วนตัว ให้รัดกุมกว่านี้ หรือแม้แต่ผู้ที่สนับสนุน Coworking เอง ยังเสียสมาธิได้เพราะคนพลุกพล่านไปมาในพื้นที่ ผู้เชียวชาญการประมวลผลแบบคลาวด์คอมพิวติ้งและนักพัฒนาซอฟท์แวร์ อดัม ลินด์เซย์ หนึ่งในสมาชิกที่  Coworking Rochester กล่าวว่าลูกค้าที่สนใจทำงานใน Coworking Space ควรได้รับคำเตือนเกี่ยวกับสิ่งรบกวนสมาธิด้วย เพราะจะส่งผลต่อประสิทธิการทำงานและความเครียดเวลามีงานหนัก “หากใครที่เสียสมาธิได้ง่าย การทำงานใน Coworking Space อาจไม่เหมาะกับคุณ ต้องแน่ใจว่า Coworking Space ที่เลือก มีพื้นที่ส่วนตัวเงียบ ๆ เผื่อไว้ในกรณีที่จำเป็น”

เคมีไม่ตรงกัน บางครั้งการทำงานใน Coworking Space ก็ไม่เหมาะหากคุณและสมาชิกคนอื่นมีเคมีไม่ตรงกัน เพราะคุณอาจมีความคาดหวังต่างไปจากกลุ่มคนใน Space ทำให้คุณไม่ได้ประโยชน์จากการทำงานใน Coworking Space เท่าไหร่นัก

:::::

เจนนิเฟอร์ ดีกัซแมน ผู้เขียนร่วมของหนังสือ “Working in the UnOffice: A Guide to Coworking for Indie Workers, Small Businesses, and Nonprofits’ (Night Owls Press, August 2011) สามารถอ่านตัวอย่างหนังสือ ได้ที่เว็บ www.CoworkingGuide.com โปรเจกต์ถัดไปของเธอคือสำรวจโคเวิร์กกิ้ง สเปซในภูมิภาคอื่นๆ  ติดต่อเธอได้ที่ ทวิตเตอร์ @nightowlspress หรือThis email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

ssfCoworking Statistics

Startpage